แนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคต อีก 10 ปีข้างหน้า

เทคโนโลยี มีผลต่อความเจริญก้าวหน้าของสังคมอย่างมาก เราได้ใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมและอำนวยความสะดวก ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้น รวมถึงยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
             หากเรามองย้อนกลับไปในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ หรือภาพยนตร์แอคชั่นในยุคก่อน เราคงได้เห็นนวัตกรรมสุดล้ำสมัยที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เมื่อเรามองดูในปัจจุบันนี้ สิ่งเหล่านั้นที่เคยเป็นเพียงจินตนาการก็ได้เกิดขึ้นแล้วหลายอย่าง เช่นเดียวกันกับสิ่งที่เราจินตนาการกันในยุคนี้ ที่ไม่มีใครตอบได้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรที่ทำให้เราต้องแทบไม่เชื่อสายตาขึ้นอีกบ้าง แต่ถ้าเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า เราก็สามารถที่จะบอกแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้ ธุรกิจร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ตลอดจนธุรกิจต่างๆ ซึ่งแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้าและบทบาทของเทคโนโลยีนั้นๆ มีดังนี้


1. Internet of Things หรือ IoT

             Internet of Things หรือ IoT เป็นเครือข่ายที่จะเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องใช้และยานพาหนะให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างครบวงจรมากขึ้น ซึ่งในตลาดอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องการความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมีการแข่งขันกันสูงมากในตลาดของ IoT 
             การทำงานของ Internet of Things หรือ IoT จะใช้ Big Data มาเป็นข้อมูลในการดำเนินกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ในอนาคตเราอาจได้เห็น Smart City เมืองสุดล้ำที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันได้ หรือการพัฒนาด้านความปลอดภัยของผู้คนในสังคมได้จากการที่เราแข่งขันกันในตลาด Internet of Things


2. การชาร์จแบบไร้สายที่ไร้ขีดจำกัด

            ในปัจจุบันนี้เรามีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) กันอยู่แล้ว ซึ่งอาจยังมีข้อจำกัด และไม่สะดวกสบายในบางอย่าง แต่ในอนาคต เราจะได้เห็นการชาร์จแบบไร้สายที่ไร้ขีดจำกัด อย่างการชาร์จไร้สายแบบ Over the air ที่สามารถชาร์จแบบไร้สายได้อย่างแท้จริง
            การชาร์จไร้สายแบบ Over the air คือ การส่งพลังงานเพื่อชาร์จผ่านทางอากาศ สามารถชาร์จได้ทั้งสมาร์ทโฟน นาฬิกาอัจฉริยะ คีย์บอร์ดไร้สาย เป็นต้น ซึ่งใน 10 ปีข้างหน้า เราอาจได้เห็นการชาร์จไร้สายที่สมบูรณ์ และสามารถส่งพลังงานได้ไกลถึงกว่า 100 ฟุต

3. การทำงานอัตโนมัติและบทบาทมนุษย์ที่น้อยลง

           เราได้เห็นการใช้งานหุ่นยนต์กันมาหลายปีแล้ว และในภาพยนตร์ก็ได้มีการใช้ระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่ไม่ต้องทำงานร่วมกับมนุษย์ในการใช้งาน และมันเป็นจินตนาการที่ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป เพราะในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้เห็นการทำงานอัตโนมัติ (Automation) ที่สามารถดำเนินการต่างๆ ได้โดยไม่พึ่งพามนุษย์เพิ่มมากขึ้น 
          โดยเฉลี่ย 51% ของบริษัท กำลังใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติ และ 58% ของบริษัท B2B ก็ได้มีการวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ เราจะได้เห็นกระบวนการทำงานที่เบ็ดเสร็จผ่านทางระบบอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ เครื่องจักร หรือระบบต่างๆ มากขึ้น รวมถึงบทบาทของมนุษย์ก็จะน้อยลง

4. ยุคของ AI

         AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ คือสิ่งที่เรารู้จักกันมาพอสมควร และอยู่เบื้องหลังกระบวนการที่เราใช้งาน Facebook, Youtube, Google หรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เป็นต้น โดย Amazon, Apple, Facebook, Google, IBM และ Microsoft กำลังลงทุนในการวิจัยและพัฒนา AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้บริโภค
         ในอนาคตข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นการดำเนินการด้วย AI ที่ครอบคลุมด้านต่างๆ มากขึ้น ตั้งแต่สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา เครื่องใช้ในบ้าน ไปจนถึงคลังอาวุธของประเทศเลยทีเดียว การเข้าถึง AI จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันอยู่ในขณะนี้ AI จะสามารถสนทนาและทำการคัดเลือกต่างๆ ได้อีกด้วย

   

5. Smart home

        เมื่อเทคโนโลยีได้นำพานวัตกรรมใหม่ๆ ให้สามารถใช้งานเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ Smart home คงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป มีบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ให้ความสนใจกับ Smart home เป็นจำนวนมาก การผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้อัจฉริยะภายในบ้านจะได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น ลำโพงอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงได้ หุ่นยนต์ที่รับคำสั่งเสียงและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ภายในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เป็นต้น



6. AR และ VR จะมีบทบาทมากขึ้น

         ในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา เรามีการใช้เทคโนโลยี AR และ VR กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งเป็นการปรับปรุงประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค และมีส่วนในด้านความบันเทิง เช่น การช็อปปิ้ง เกม หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
         Virtual reality หรือ VR คือการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยตัดขาดจากสภาพแวดล้อมปัจจุบัน สู่การรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั้งกลิ่นของภาพที่จำลองขึ้นมา เช่น การจำลองสถานที่ ส่วน Augmented reality หรือ AR คือ การรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือน (ภาพ, วิดิโอ, เสียง, ข้อมูลต่างๆ) เข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้ เช่น เกมโปเกมอนที่โด่งดังมาแล้วทั่วโลก
          เราสามารถใช้งานเทคโนโลยี AR และ VR ในรูปแบบ 360° ได้ง่ายๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ลองนึกถึงว่าถ้าเราสามารถช็อปปิ้งออนไลน์ได้เหมือนกับไปเดินเลือกจากที่ร้านจริงๆ เล่นเกมได้เหมือนกับอยู่ในโลกนั้นจริงๆ ชมคอนเสิร์ตได้รอบทิศทางเหมือนอยู่ในสถานที่นั้น หรือรับรู้สื่อโฆษณา สื่อการศึกษาได้เหมือนจริง คงเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลย และสิ่งนี้ กำลังจะถูกใช้งานแพร่หลายมากขึ้น

7. การพิมพ์แบบสามมิติ (3D Printing)

         การพิมพ์ในโลกอนาคตอันใกล้นี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะเราจะได้เห็นการพิมพ์สุดล้ำแบบสามมิติ หรือ 3D ถูกใช้กันอย่างมากมายในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เพียงแต่พิมพ์เป็นสามมิติเท่านั้น เพราะเรายังสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการด้วย 
          ในปี 2018 แบรนด์รองเท้ากีฬาดังๆ มากมาย เช่น Adidas, New Balance และ Nike ก็ได้ทดลองใช้การพิมพ์แบบ 3D เพื่อออกแบบและปรับแต่งแบรนด์รองเท้าของตนให้มีความเฉพาะบุคคลด้วย และในด้านการพิมพ์สามมิตินี้ก็จะมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับแต่งการพิมพ์แบบ 3D มากขึ้น


8. รถยนต์ระบบขับเคลื่อนตนเอง

       ในอดีตเราได้เห็นรถยนต์สุดล้ำในภาพยนตร์มากมาย เป็นรถที่สามารถเหาะได้ ขับเคลื่อนตัวเองได้ ซึ่งในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้านี้ เราก็จะได้เห็นโมเดลรถยนต์ที่มีความอัจฉริยะมากยิ่งขึ้น มีระบบนำทางที่สามารถสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากขึ้น ที่สำคัญ สามารถขับเคลื่อนตนเองได้ 
         รถยนต์ขับเคลื่อนตนเองนี้ เป็นแนวคิดที่มีความน่าสนใจ รวมไปถึงการพัฒนารถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า, ไนโตรเจน หรือพลังงานอื่นๆ ทดแทนการใช้น้ำมัน แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงมีการคิดค้นพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่แน่ว่าในอนาคตที่ไม่ไกลเกินรอ เราอาจได้เห็นรถยนต์ขับเคลื่อนตัวเองวิ่งกันอยู่ตามท้องถนน จนมองเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้

9. ไบโอเมทริกซ์กับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นและสะดวกขึ้น

        ในปัจจุบันนี้ เราสามารถปลดล็อกสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วผ่านการสแกนลายนิ้วมือ หรือสแกนใบหน้า (Face ID) ซึ่งระบบนี้เอง เราเรียกว่า ไบโอเมทริกซ์
        ไบโอเมทริกซ์ (Biometrics) เป็นระบบทางกายภาพที่นำมาใช้ในวิทยาการคอมพิวเตอร์ เพื่อการระบุตัวตน การบ่งชี้ และควบคุมการเข้าถึงต่างๆ โดยระบบนี้จะถูกนำมาใช้ในการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยแทนที่การใช้ Password เหมือนแต่ก่อน ระบบไบโอเมทริกซ์ก็เช่น การสแกนด้วยลายนิ้วมือ การสแกนม่านตา การวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดความรวดเร็ว สะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญ มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วยสำหรับผู้บริโภค หน่วยงาน องค์กร โรงพยาบาล ธุรกิจ และกับทุกภาคส่วน
         ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีผู้ใช้ระบบชำระเงินแบบไบโอเมทริกซ์ถึง 2.6 พันล้านคน เพื่อการจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าปลีก ในเว็บไซต์ออนไลน์ รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ เราจะหมดปัญหากุญแจหาย ลืมกุญแจ ไม่มีมือว่าง กังวลเรื่องความปลอดภัย ก็คราวนี้ล่ะ



10. โดรนที่ทรงประสิทธิภาพ

         โดรน (Drones) หรือเครื่องบินไร้คนขับ (Unmanned Aerial System Traffic Management – UTM) เป็นหุ่นยนต์บินได้ที่สามารถควบคุมได้จากระยะไกล เรามีการใช้โดรนทั้งในการศึกษาธรณีวิทยา ทางทหาร การจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงผู้บริโภคก็สามารถใช้งานได้ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล  
           แนวโน้มของการใช้งานโดรนพบว่าจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ในปีนี้อาจมีการใช้โดรนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เป็นจำนวนกว่า 2.4 ล้านลำและอาจถึง 10 ล้านลำ เป็นอย่างน้อยในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีราคาที่ถูกลง เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และจะมีการนำมาใช้ในภาครัฐ ภาคเอกชน และธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมชั้นนำเป็นจำนวนมาก  นอกจากนี้แล้ว ก็ยังจะมีการพัฒนาโดรนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และเกิดประสิทธิภาพที่สุด

11. การสื่อสารที่เชื่อมต่อกันได้อย่างง่ายดาย

         ในอนาคต เราจะสามารถสื่อสารกันได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือมุมไหนของโลก ไม่ว่าจะเป็น
  • การสื่อสารผ่านดาวเทียม (satellite-based communication) ที่ทำได้โดยไม่มีอุปสรรคทางภูมิศาสตร์
  • โครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัล (Integrated Service Digital Network : ISDN) ที่ประยุกต์ใช้งานหลายอย่างบนเครือข่ายเดียวกัน เช่น การโทรศัพท์ที่สามารถเห็นภาพได้ด้วย เป็นต้น
  • ระบบเครือข่ายสวิตชิง (switching technology) ที่ใช้การสื่อสารด้วยเส้นใยนำแสง (fiber optic) ส่งผ่านข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทางได้ด้วยความเร็วหลายร้อยเมกะบิตต่อวินาที
  • ระบบสื่อสารไร้สาย (wireless communication) ระบบที่รู้จักและใช้งานกันแพร่หลายคือ ระบบแลนไร้สาย (wireless LAN) สามารถเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบด้วยความสูงถึง 11 เมกะบิตต่อวินาที

12. สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office)

         สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ ก็คือการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อปฎิบัติงานประจำวันทั่วไป และอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ซึ่งสามารถทำให้ เราทำงานได้ในทุกแห่ง ปราศจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ และการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์


13. ห้องสมุดเสมือนจริง (Virtual Library) 

         ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจสามารถค้นหาความรู้ได้จากทั่วโลกอย่างง่ายดาย ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นห้องสมุดที่รวบรวม และจัดเก็บข้อมูลมากมายเพื่อการค้นคว้าวิจัยสำหรับอาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย และบุคลากรของสถาบัน เรียกว่าห้องสมุดเสมือนจริง (Virtual Library) เพียงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งสารสนเทศต่างๆ ก็สามารถเข้าถึงหนังสือเสมือนที่อยู่ในห้องสมุดได้ในแบบของรูปภาพ ให้ผู้ใช้สามารถใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล     


        นี่เป็นเพียงแนวโน้มบางส่วนของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปี ข้างหน้านี้เท่านั้น ตราบใดที่มนุษย์ยังคงไม่หยุดความพยายามในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสิ่งใหม่ที่เหนือกว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนในสังคม สิ่งที่เราจินตนาการไว้ และเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ ก็คงไม่ใช่แค่เรื่องที่เพ้อฝันอีกต่อไป
Credithttps://vayoit.com/blog/future-technology/

ความคิดเห็น